วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประวัติปลาสวยงาม





ปลาสวยงาม หรือ ปลาตู้ (อังกฤษ: Ornamental fish) คือ ปลาที่มนุษย์เลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลินหรือเพื่อความสวยงาม ไม่ใช่เพื่อการบริโภค หรือสัตว์น้ำจำพวกอื่น ที่ไม่ใช่ปลาแต่มีการนำมาเลี้ยงเพื้อการเดียวกัน เช่น เครย์ฟิช นิยมเลี้ยงไว้ในสถานที่ต่าง ๆ ในบ้านพักอาศัย อาทิ ตู้ปลา, บ่อ หรือสระ ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการประมง

ประวัติ
ไม่มีหลักฐานใดที่ยืนยันแน่ชัดว่า มนุษย์เริ่มรู้จักเลี้ยงปลามาตั้งแต่เมื่อใด โดยนักโบราณคดีได้ค้นพบบ่อปลาที่เก่าแก่ที่สุดในยุคสุเมเรียนซึ่งมีอายุกว่า 4,500 ปีมาแล้ว และปลาชนิดแรกที่เชื่อว่าเป็นปลาที่มนุษย์ได้เลี้ยงคือ ปลาคาร์ป ซึ่งทั้งหมดนี้มีไว้เพื่อการบริโภค
สำหรับการเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงาม ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มต้นขึ้นเมื่อใดอีกเช่นกัน ในประเทศจีนและญี่ปุ่นได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาทอง รวมถึงปลาคาร์ป ให้มีรูปร่างและสีสันที่สวยงามแตกต่างไปสายพันธุ์ดั้งเดิมที่มีอยู่ในธรรมชาติ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 300-400 ปี โดยมีการส่งออกไปทวีปยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 และถูกส่งมาเป็นบรรณาการในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในศตวรรษที่ 19 ด้วย

หลักการเลี้ยงปลา


การเลี้ยงปลาไว้เพื่อความเพลิดเพลินนั้น มิได้ต่างไปจากหลักการเลี้ยงปลาเศรษฐกิจเพื่อการบริโภคเท่าใดนัก เพียงแต่มีอัตราส่วนที่ย่อขนาดลงมา โดยอุปกรณ์การเลี้ยงหลัก ๆ ได้แก่
ตู้ปลา คือ กระจกหรือพลาสติกใสที่ต่อขึ้นมา เพื่อการเลี้ยงปลา โดยมากจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ก็มีรูปทรงอื่นๆวางขายในท้องตลาดเช่นกัน เช่นสี่เหลี่ยมจตุรัส ทรงกระบอก มีขนาดหลากหลาย ในตลาดปลาสวยงามของประเทศไทยมักจะวัดขนาดของตู้ปลาในหน่วยนิ้ว ซึ่งเป็นการเรียกตามหน่วยวัดของอุตสาหกรรมกระจกในสมัยก่อน โดยเรียกด้านหน้าตู้จากมุมมองของผู้เลี้ยงว่าด้านกว้าง ระยะจากด้านหน้าไปถึงด้านหลังตู้ว่าด้านลึก และระยะจากด้านล่างพื้นตู้ไปจนถึงขอบบนตู้จะเรียกว่าด้านสูง และมักจะเรียกขนาดของตู้ปลาอย่างย่อ ๆ ตามขนาดของด้าน กว้างเท่านั้นเพื่อความสะดวก เช่น ตู้ปลาที่กว้าง 24 นิ้ว สูง 14 นิ้ว ลึก 12 นิ้ว ว่าตู้ 24 นิ้ว เป็นต้น และใช้หน่วยวัดความหนาของกระจกที่นำมาใช้ทำตู้ปลาเป็น หุน แต่ในปัจจุบันเริ่มที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้หน่วยวัดระบบเมตริกกันมากขึ้นเพราะเป็นหน่วยวัดที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกว่า เข้าใจได้ง่ายกว่า และตามสินค้าจากต่างประเทศเช่นประเทศญี่ปุ่นที่มักจะวัดขนาดของตู้ปลาเป็นเซนติเมตร
     ระบบกรองน้ำ เป็นระบบบำบัดน้ำโดยการเพิ่มที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ย่อยสลายที่มีอยู่ในน้ำ 
ให้ปริมาณจุลินทรีย์นั้นมีมากพอที่จะบำบัดของเสียจากปลาได้เพียงพอ ทั้งนี้เพราะปลาขับถ่ายใน
น้ำซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย ระบบกรองน้ำมีทั้งระบบกรองใต้กรวดทรายในตู้ ระบบกรองในตู้ทั้ง
แบบติดกับตัวตู้และแขวนลอย และระบบกรองนอกตู้
        ปั๊มลม หรือ แอร์ปั๊ม เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ ทำงานโดยการปั๊มอากาศ
ลงไปในน้ำผ่านหัวทราย หรือหัวปล่อยอากาศที่มีรูพรุน ให้ผุดขึ้นมาเป็นฟองเล็ก ๆ จำนวนมาก
เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวน้ำให้สัมผัสกับอากาศและแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้มากขึ้น ทำให้สามารถเลี้ยง
ปลาจำนวนมากในตู้ที่มีพื้นที่จำกัดได้ ใช้ไฟฟ้าในการทำงาน มีทั้งแบบใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ
และแบตเตอรี่

  อาหาร แบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
         อาหารสด ได้แก่ อาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงใดๆหรืออาหารที่ยังมีชีวิต เช่น 
ไรแดง, ไรทะเล , ลูกน้ำ, กุ้งฝอย, ลูกปลาชนิดต่างๆ เช่น ปลานิล ปลาสอด รวมถึงแมลงหลายประเภท เช่น จิ้งหรีด และตัวอ่อนแมลง เช่น หนอนนก, หนอนแดง รวมถึงเนื้อสัตว์และพืชประเภทต่าง ๆ เช่น เนื้อกุ้งสดแช่แข็ง, หัวใจวัว, หัวใจหมู, ไข่กุ้ง ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้ผลิตที่ผลิตอาหารสดเหล่านี้ในรูปแบบสำเร็จรูปแช่แข็งขายเพื่อความสะดวกในการใช้และยืดอายุการเก็บรักษาอาหารสดของผู้เลี้ยง

            อาหารแห้ง เป็นอาหารสำเร็จรูปที่นำวัตถุดิบประเภทพืชและเนื้อสัตว์มาบดผสมกับวิตามินและสารปรุงแต่งต่าง ๆ จากนั้นจึงทำให้เป็นเม็ดหรือผงหยาบหรือแผ่นเกล็ดและอบแห้ง ซึ่งจะสามารถเก็บรักษาได้นานหลายเดือนหรือหลายปีโดยไม่ต้องแช่เย็น เพิ่มความสะดวกให้ผู้เลี้ยงกว่าอาหารสดมาก โดยมากจะผลิตเป็นเม็ดกลมขนาดต่างกัน เรียกว่า "อาหารเม็ด" หรือเป็นแผ่น เรียกว่า "อาหารแผ่น" ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้มีทั้งแบบจมน้ำ กึ่งจมกึ่งลอย และลอยน้ำ
  อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์เสริม ใช้สำหรับควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ต่ำหรือสูงเกินไป ทั้งนี้เนื่องจากปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น หากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจะทำให้ปลาเจ็บป่วยได้ง่าย อุปกรณ์เพิ่มอุณหภูมิ เรียกว่า ฮีทเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ขดลวดความร้อนบรรจุในหลอดแก้วหรือท่อโลหะจุ่มลงในน้ำเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับน้ำในตู้ สามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่ต้องการได้ เมื่อฮีทเตอร์ทำงานจนถึงค่าที่ตั้งไว้ก็จะตัดการทำงาน และเมื่ออุณหภูมิลดลงมาก็จะทำงานอีกครั้ง อุปกรณ์ลดอุณหภูมิเรียกว่า ชิลเลอร์ ส่วนมากจะใช้คอมเพรสเซอร์เช่นเดียวกับตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ แต่ใช้การนำน้ำในตู้ไหลผ่านส่วนทำความเย็นแทน แต่ก็มีชิลเลอร์จากผู้ผลิตหลายรายที่ใช้เพลเทียร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้หลักเทอร์โมอิเล็กทริก ในการทำความเย็นแทนคอมเพรสเซอร์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น